ฟาริเซีย ( FALISIA ) เอนไซม์ผสมเห็ด 7 สายพันธุ์ ผลงานดร.วิสุทธิ์ ราคา 2,800 ส่งฟรีเก็บปลายทาง
1. GLOBAL HEALTH SECURITY WORLD HEALTH ORGANIZATION
GENEVA 2003 รายงานถึงกลุ่มเชื้อจุลินทรีย์มีความปลอดภัยสูงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
พืชและสัตว์ (BIO SAFETY LEVEL 1)
2. สถาบันวิจัยอาหารจากประเทศญี่ปุ่นรับรองว่าไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
และสัตว์ แม้ใช้ในปริมาณ 21,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว
3. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(สถาบัน วว.) ทดสอบความ เป็นพิษเฉียบพลัน
ทางปากที่ระดับ 2,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว
พบว่าหนูทุกตัวแสดงอาการปกติ ตรวจไม่พบความ ผิดปกติของอวัยวะภายในจากการชันสูตรซากหนูทุกตัวเมื่อสิ้นสุดการทดสอบ
4. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ผลวิเคราะห์ พบว่า ไม่มีแบคทีเรียและราที่ก่อให้เกิดโรคใดๆ
ต่อมนุษย์และสัตว์
5.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
อนุมัติให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบริโภค
6.
หน่วยบริการเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมเกษตร,คณะอุตสาหกรรมเกษตร,มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผลทดสอบประสิทธิภาพของจุลินทรีย์
และสารประกอบที่สร้างจากจุลินทรีย์ในการยับยั้งการเจริญของ เชื้อรา, เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่สร้างสารอะฟลาทอกซิน
พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อโรคได้หลายชนิด
7. บริษัท
ห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร จำกัด(LCFA) รายงานผลการ
วิเคราะห์ถึงการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก- แคดเมี่ยม,ตะกั่ว,สารกัมมันตรังสี, สารก่อมะเร็ง- อะฟลาท็อกซิน บี1
บี2,จี1,จี2,
สารยาฆ่าแมลง กลุ่มออกาโนฟอสเฟส 15 ชนิด, สารไพรีทอยส์ 7ชนิด, กลุ่มออกาโนคลอรีน 8 ชนิด และ
สารคาบาเมต 8 ชนิด
พบว่า ตรวจไม่พบสารยาฆ่าแมลง ซึ่งมีค่าต่ำกว่าปริมาณมาตรฐานกำหนดทั้งสิ้น
8. สถาบันกลางรับตรวจสอบคุณภาพ ยุโรป(NEOTRON, ITALY) รายงานผลการวิเคราะห์ถึงการปน
เปื้อนของสารโลหะหนัก- แคดเมี่ยม,ตะกั่ว, สารกัมมันตรังสี, สารก่อมะเร็ง- อะฟลาท็อกซิน บี1,บี2,จี1,จี2 สารยาฆ่าแมลง
กลุ่มออกาโนฟอสเฟส 49 ชนิด, สารไพรีทอยส์ 17ชนิดและ สารอะคาริไซด์ 13 ชนิด พบว่า
มีต่ำกว่าปริมาณมาตรฐานกำหนดทั้งสิ้น
เอ็นไซน์ “ ฟาลิเซีย ” ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย แก้ปัญหาการทำงานผิดปกติของระบบอวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่น
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง
- ระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะ โรคลำไส้
โรคตับ
- ระบบผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน สะเก็ดเงิน
- ระบบกล้ามเนื้อ เช่น โรคอัมพฤกษ์ อัมพาตจากเส้นเลือดในสมองอุดตัน
- ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไซนัสอักเสบ หอบ หืด โรคปอด
- ระบบสืบพันธุ์ เช่น ความผิดปกติของประจำเดือน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- ระบบการสร้างเม็ดเลือดและเซลผิดปกติ เช่น โรคโลหิตจาง โรคลูคีเมีย
มะเร็ง
- ระบบขับถ่าย เช่น โรคริดสีดวงทวาร โรคนิ่วในไต โรคไตอักเสบ
โรคเอสแอลดี
- ระบบต่อมไร้ท่อ เช่น โรคเบาหวาน ก้อนที่ต่อมไทรอยด์ และ ฯลฯ
เอนไซม์
คืออะไร
เอนไซม์คือ
โปรตีนที่มีชีวิตขนาดเล็ก
ที่ช่วยทำให้ทุกปฏิกิริยาเคมีของสิ่งมีชีวิตทำงานได้และทำงานต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ถ้าขาดเอนไซม์ชีวิตก็ดำรงอยู่ไม่ได้ เพราะเอนไซม์คือผู้สร้างพลังงานให้แก่ชีวิต
เปรียบเสมือนเป็นกุญแจแห่งชีวิต (Enzyme is the key of life)
เอนไซม์พบที่ไหนได้บ้าง
เราสามารถพบเอนไซม์ได้ในพืช
ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ทุกชนิด แต่ต้องอยู่ในสภาพที่สดๆ เท่านั้นในอาหารปรุงสุก
เอนไซม์จะตายหมด หากเราทานอาหารที่ไม่มีเอนไซม์บ่อยๆ
ก็จะเจ็บป่วยได้เพราะร่างกายจะดึงเมตาบอลิคเอนไซม์จากเซลล์มาช่วยในการย่อยอาหาร
ทำให้ระบบการทำงานของเอนไซม์ในระดับเซลล์ต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ
ซึ่งถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ ร่างกายจะขาดพลังงานระบบการซ่อมแซมไม่สมบูรณ์
จึงเป็นที่มาของโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆเอนไซม์แบ่งเป็น 3 ชนิด
1. เอนไซม์ย่อยอาหาร (Digestive Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตโดยร่างกาย จากตับอ่อนเพื่อใช้ย่อยอาหารและดูดซึมอาหารที่เรารับประทานเข้าไป
ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร
2. เอนไซม์จากอาหาร (Food Enzyme)ถ้ามาจากพืชเรียก Plant Enzyme ถ้ามาจากสัตว์เรียกAnimal Enzyme อาหารที่นำมาปรุงสุกโดยใช้ความร้อนสูงเกินกว่า 48°C จะทำลายเอนไซม์ในอาหารได้โดยง่าย และอาหารที่ไม่มีเอนไซม์แล้วนี้
เราเรียกว่าอาหารที่ตายแล้ว (Dead
Food)
3. เอนไซม์ในการเผาผลาญพลังงานหรือเมตาบอลิคเอนไซม์ (Metabolic
Enzyme)เป็นเอนไซม์
ที่ผลิตในเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย
ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีเพื่อการเผาผลาญสารอาหารและสร้างพลังงาน
สร้างภูมิต้านทาน สร้างความเจริญเติบโต ตลอดจนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่างๆ
ซึ่งต้องอาศัยเอนไซม์เมตาบอลิคนี้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี
จะทราบได้อย่างไรว่าเราขาดเอนไซม์
นักชีวเคมีเชื่อว่า
เอนไซม์ที่ผลิตในร่างกายคนมีจำนวนจำกัด ถ้าเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยอาหารมีไม่เพียงพอ
ร่างกายต้องดึงเมตาบอลิคเอนไซม์ซึ่งสะสมไว้ใช้ในเซลล์ออกมาจากเซลล์ต่างๆพลังของชีวิตจึงบกพร่องและไม่เพียงพอ
ทำให้เกิดโรคที่มาจากความเสื่อมโทรมต่างๆอาการที่เด่นชัดของการย่อยอาหารที่ไม่ดี
คือการเรอ มีแก๊ส จุกเสียด วิงเวียน ท้องผูก รู้สึกเหนื่อยหลังทานอาหาร
ฟาริเซีย ประกอบไปด้วยเห็ดทางการแพทย์
7 ชนิด คือ
เห็ดชิตาเกะ
ชื่อสามัญ : Black Mushroom, Fragrance Mushroom
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lentinus edodes
ลักษณะดอก : หมวกดอกมีลักษณะกลม สีนํ้าตาลอ่อน
ผิวหมวกด้านบนมีสีนํ้าตาลถึงนํ้าตาลปนแดงมีขนรวมกันเป็นเกล็ดสีขาวบริเวณขอบหมวก
เนื้อหมวกแน่นปานกลาง ตรงกลางหมวกอาจเว้าลงเล็กน้อย หมวกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-10เซนติเมตร ก้านดอกมีขนาด 1-1.5 x 5-6 เซนติเมตร
ประโยชน์ทางสุขภาพของเห็ดชิตาเกะ
เชื่อกันมาแต่โบราณแล้วว่าเห็ดชิตาเกะเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ร่างกายแข็งแรงช่วยชะลอความชราได้
คนจีนและคนญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานกันมากย้อนไปในศตวรรษที่ 14 มีบันทึกไว้ว่าแพทย์จีนใช้เห็ดชิตาเกะปรุงเป็นยาอายุวัฒนะทำให้เลือดลมดี
รักษาโรคหวัด โรคหัวใจ แก้พิษงู และต้านการเติบโตของเนื้อร้าย
ต่อมาในค.ศ.1970 มีงานวิจัยหลายชิ้นในญี่ปุ่นพบว่า
เห็ดชิตาเกะมีสารสำคัญที่มีชื่อว่า อิริตาดีนีน (eritadenine) ซึ่งทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์และมีสารเลนติแนน
(lentinan) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ยับยั้งหรือป้องกันการเติบโตของเซลล์เนื้องอกต่าง
ๆ ได้ดีอีกด้วย
ปัจจุบัน นักวิจัยสมัยใหม่ซึ่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดชิตาเกะ ก็พบว่า
เห็ดชิตาเกะมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้านโรคมะเร็งและโรคร้ายต่าง
ๆ จากเชื้อไวรัส
เห็ดยามาบูชิตาเกะ
ชื่ออื่นๆ : Lion ‘s
Mane, Hedgehog Mushroom, เห็ดปุยฝ้าย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hericium
erinaceus
ลักษณะทั่วไป : เห็ดยามาบูชิตาเกะ สามารถพบได้บริเวณทางซีกโลกเหนือ เช่น ยุโรป
และเอเชียตะวันออก ในประเทศญี่ปุ่น โดยทั่วไปมีขนาดประมาณ 5-20 เซนติเมตร มีสีขาว
ลักษณะคล้ายเส้นไหมยาว โดยมักพบเกาะอยู่ตามบริเวณต้นไม้ยืนต้น เช่น โอ๊ค
หรือวอลนัท
ความเชื่อและประโยชน์ทางสุขภาพของเห็ดยามาบูชิตาเกะ
เห็ดชนิดนี้ได้ถูกขนานนามในภาษาญี่ปุ่นซึ่งมีความหมายว่า
ผู้ที่หลับใหลอยู่ในภูเขา
อันสืบเนื่องมาจากตำนานญี่ปุ่นโบราณที่กล่าวถึงพระญี่ปุ่นในนิกายชูเกนโด
ที่ธุดงค์ไปในป่าตามหุบเขา(นิกายทางพุทธศาสนาโบราณในประเทศญี่ปุ่น)จะมีเครื่องประดับที่เรียกว่า “ซูซูกาเคะ” ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเห็ดชนิดนี้เป็นอย่างมาก
จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อเห็ดชนิดนี้ว่า “ยามาบูชิ” และ ในภาษาญี่ปุ่น คำว่า “ตาเกะ” หมายถึง “เห็ด” ในสมัยโบราณเห็ดยามาบูชิตาเกะนี้ถูกนำไปเข้าตำรับยาในการรักษาโรคของระบบทางเดินอาหาร
เช่น แผลในกระเพาะอาหารเป็นต้น แต่สำหรับงานวิจัยทางการแพทย์ที่ได้ตีพิมพ์ลงใน International
Journal of Medicinal Mushrooms ซึ่งทำโดย
ดร.ทาคาชิแห่งมหาวิทยาลัยชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น พบว่า
เห็ดชนิดนี้ให้ผลต่อการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร
และผิวหนังได้อีกด้วย
งานวิจัยทางการแพทย์ ของเห็ดยามาบูชิตาเกะ
1. Park
YS, Lee HS, Won MH, Lee JH, Lee SY, Lee HY (September 2002). “Effect
of an exo-polysaccharide from the culture broth of Hericium erinaceus on
enhancement of growth and differentiation of rat adrenal nerve cells”. Cytotechnology 39 (3): 155–62.
2. Mori
K, Inatomi S, Ouchi K, Azumi Y, Tuchida T (March 2009). “Improving
effects of the mushroom Yamabushitake (Hericium erinaceus)
on mild cognitive impairment: a double-blind placebo-controlled clinical
trial”.Phytother Res 23 (3): 367–72.
3. Mori
K, Obara Y, Hirota M, et al. (September 2008). “Nerve
growth factor-inducing activity of Hericium erinaceus in 1321N1 human astrocytoma cells”.Biol.
Pharm. Bull. 31 (9): 1727–32.
4. Kolotushkina
EV, Moldavan MG, Voronin KY, Skibo GG (2003). “The
influence of Hericium erinaceus extract on myelination
process in vitro“.Fiziol Zh 49 (1): 38–45.
5. Halpern
G.M., “Healing Mushrooms”, 2007, Square One
Publishers, NY , USA,
เห็ดไมตาเกะ
ชื่อสามัญ : King
of Mushroom, Sulphur Shelf
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grifola frondosa
ลักษณะดอก : เห็ดไมตาเกะ
เจริญเติบโตจากโครงสร้างที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง
เมื่อสภาวะอากาศเหมาะสมดอกเห็ดจึงเจริญเติบโตออกมาโดย
ขนาดของดอกเห็ดอาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 60 เซนติเมตร
มีลักษณะเป็นลอนโค้ง หรือลักษณะคล้ายช้อน มีสีน้ำตาลอมเทา ในบางท้องที่ของญี่ปุ่น
เห็ดชนิดนี้อาจมีการขยายขนาดจนมีน้ำหนักได้ถึง 20 กิโลกรัมต่อดอก
ความเชื่อและประโยชน์ทางสุขภาพของเห็ดไมตาเกะ
ต้นกำเนิดของเห็ดไมตาเกะอยู่ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งมีประวัติการใช้เป็นยารักษาโรคในตำราการแพทย์แผนจีนและญี่ปุ่นมาเป็นเวลาช้านานในแง่ของการเป็นตำรับยาช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับร่างกาย
นอกจากนี้นักวิจัยในปัจจุบัน ยังได้มีการค้นพบอีกว่าการรับประทานเห็ดไมตาเกะเป็นประจำจะช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิต
ระดับน้ำตาลและฮอร์โมนอินซูลินในกระแส
อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดได้อีกด้วย
เมื่อวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี พบว่าเห็ดไมตาเกะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด
เช่น โปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามิน บี2 บี3 (ไนอาซิน) และ ดี 2 อีกทั้งยังมีไฟเบอร์
และ กรดอะมิโนหลายชนิด เป็นต้น
งานวิจัยทางการแพทย์
ของเห็ดไมตาเกะ
1. - Deng G, Lin H, Seidman A, et
al. (September 2009). “A phase I/II trial of a
polysaccharide extract from Grifola frondosa (Maitake mushroom) in breast
cancer patients: immunological effects”. Journal of Cancer Research and
Clinical Oncology 135 (9):
1215–21.
2. - ^ Kodama N, Komuta K, Nanba H (2003). “Effect
of Maitake (Grifola frondosa) D-Fraction on the activation of NK cells in
cancer patients”. Journal of Medicinal Food 6 (4): 371–7.
3. - ^ Kodama N, Komuta K, Sakai N, Nanba H (December 2002). “Effects of D-Fraction, a polysaccharide from Grifola
frondosa on tumor growth involve activation of NK cells”. Biological & Pharmaceutical Bulletin 25 (12): 1647–50.
4. - ^ Kodama N, Asakawa A, Inui A, Masuda Y, Nanba H (March 2005). “Enhancement of cytotoxicity of NK cells by D-Fraction, a
polysaccharide from Grifola frondosa”. Oncology Reports 13 (3): 497–502.
5. - ^ Kodama N, Murata Y, Nanba H (2004). “Administration
of a polysaccharide from Grifola frondosa stimulates immune function of normal
mice”. Journal of Medicinal Food 7 (2): 141–5.
เห็ดหางไก่งวง Turkey tail
ชื่ออื่นๆ : cloud mushroom, kawaratake mushroom
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Trametes versicolor
ลักษณะทั่วไป : เห็ด turkey tail พบได้ในป่าทั่วไป
โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเหมาะสมกับการเจริญเติบโต รูปทรงมีลักษณะคล้ายกับพัด
ขนาดทั่วไปประมาณ 8เซนติเมตร และมีความหนาประมาณ 1-3 เซนติเมตร
มีสีสันสวยงามแตกต่างกันไป เช่น ส้ม น้ำเงิน ขาว และน้ำตาลเข้ม
มักชอบขึ้นบริเวณขอนไม้
ความเชื่อและประโยชน์ทางสุขภาพของเห็ด Turkey
tail
เห็ดชนิดนี้มีประวัติการใช้เป็นยาพื้นบ้านในญี่ปุ่นมาช้านาน
ซึ่งถูกนำไปเข้าตำรับยารักษาโรคมะเร็ง ขณะเดียวกันทางการแพทย์แผนจีนก็พบว่า
มีการนำไปใช้เข้าตำรับในการรักษาโรคปอดติดเชื้อ กำจัดเสมหะ และโรคตับอักเสบ
นอกจากนี้ตามความเชื่อของนักพรตลัทธิเต๋าของจีน ยังมีความเชื่อกันว่า
เห็ดชนิดนี้ได้ดูดซึมธาตุ “หยาง” ซึ่งเป็นพลังงานจากธรรมชาติที่สามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ขาดพลังธาตุชนิดนี้ได้ สำหรับงานวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่า
เห็ดชนิดนี้ มีสารประกอบกลุ่มโพลีแซ็คคาไรด์
ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต่อต้านมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด
ลดไขมันไม่ดีชนิด LDL รวมไปถึงการต้านเชื้อไวรัสบางจำพวก
งานวิจัยทางการแพทย์
ของเห็ด Turkey tail
1. Jiménez-Medina E, Berruguilla E, Romero I, et al. (2008), “The immunomodulator PSK induces in
vitro cytotoxic activity in tumour cell lines via arrest
of cell cycle and induction of apoptosis”, BMC
Cancer 8: 78,
2. Yamasaki A, Shoda M, Iijima H, et al. (March 2009), “A protein-bound polysaccharide, PSK, enhances tumor
suppression induced by docetaxel in a gastric cancer xenograft model”, Anticancer
Res. 29 (3): 843–50,
3. Oba K, Teramukai S, Kobayashi M, Matsui T, Kodera Y, Sakamoto J
(June 2007), “Efficacy of adjuvant immunochemotherapy with
polysaccharide K for patients with curative resections of gastric cancer”,
Cancer Immunol. Immunother. 56 (6): 905–11,.
เห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะ
ชื่ออื่นๆ : the
princess mushroom, the sun mushroom
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Agaricus Blazei
ลักษณะทั่วไป : ดอกเห็ดมีลักษณะกลม คล้ายกับกระดุม เจริญเติบโตบนพื้นดิน
มีขนาดตั้งแต่ 2.5 ถึง 30 เซนติเมตรแล้วแต่สายพันธุ์ มีสีที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ ขาว
ไปจนถึงน้ำตาลอ่อน ซึ่งเห็ดชนิดนี้สามารถเปลี่ยนสีได้จากขาว ไปเป็น ชมพู ม่วง
จนกระทั่งดำสนิทได้ภายในระยะเวลาเพียง1 วัน
ความเชื่อและประโยชน์ทางสุขภาพของเห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะ
ในปี ค.ศ. 1965 ชาวนาในบราซิลซึ่งมีเชื้อสายญี่ปุ่นได้ค้นพบเห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะในภูเขาซึ่งอยู่นอกเมือง Piedade ที่ตนเองอาศัยอยู่
และได้ทำการส่งตัวอย่างเห็ดชนิดนี้ไปยังสถาบันวิจัยทีญี่ปุ่นซึ่งมีชื่อว่า Iwade Research Institute of
Mycology เพื่อค้นหาวิธีในการปลูกเห็ดชนิดนี้ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งผลการทดลองกินเวลาร่วม 10 ปี
ขณะเดียวกันนั้น
คณะนักวิทยาศาสตร์ภายใต้การนำของ ดร. W.J Cinden แห่งมหาวิทยาลัยประจำรัฐเพนซิลเวเนีย
ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พาคณะ ไปตรวจสอบเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับเห็ดชนิดนี้เช่นเดียวกันที่เมือง Piedade ประเทศบราซิลและพบว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้มีอุบัติการณ์ของโรคผู้สูงอายุที่ต่ำในขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ต่างมีอายุยืนยาวกว่าปกติ
ซึ่งภายหลังการสำรวจนั้นทางคณะผู้สำรวจต่างลงความเห็นกันว่า ประชากรในท้องถิ่นมีอายุยืนและร่างกายที่แข็งแรงสืบเนื่องมาจากการรับประทานเห็ดพื้นเมืองชนิดนี้
และทางดร. W.J Cinden ได้ทำการนำเสนอข้อสุปนี้ในงานประชุมวิชาการระดับโลกหลายแห่ง
จนทำให้เห็ดชนิดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายออกไป และจากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์พบว่าเห็ดชนิดนี้อุดมไปด้วยสารเบต้ากลูแคน
ซึ่งมีส่วนช่วยให้ร่างกายผลิตสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการต่อต้านสิ่งแปลกปลอม
เช่น interferon และinterleukins ได้มากขึ้นด้วย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิต
ลดระดับน้ำตาลและคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือดอีกด้วย
งานวิจัยทางการแพทย์ ของเห็ดเห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะ
1. Smith JE, Rowan NJ, Sullivan R Medicinal Mushrooms: Their Therapeutic Properties and Current Medical Usage with Special Emphasis on Cancer Treatments Cancer Research UK, 2001
2. Cristina Lull, Harry J. Wichers, and Huub F. J. Savelkoul “Antiinflammatory and Immunomodulating Properties of Fungal Metabolites”, Wageningen University and Research Center, The Netherlands 2005
3. Ulrike Lindequist, Timo H. J. Niedermeyer, and Wolf-Dieter Jülich ” The Pharmacological Potential of Mushrooms”, Oxford University Press 2005
4. Andrea T. Borchers, Anita Krishnamurthy, Carl L.
Keen, Frederick J. Meyersà, and M. Eric Gershwin “Immunobiology of Mushrooms”,
Society for Experimental Biology and Medicine 2008
เห็ดหลินจือ
ชื่อสามัญอื่นๆ : Reishi, Supernatural Mushroom
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ganoderma Lucidum
ลักษณะ : ดอกเป็นรูปไตหรือครึ่งวงกลม กว้างประมาณ 3-9 เซนติเมตร ดอกอ่อนสีเหลือง ขอบขาว
กลางดอกสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแดง เนื้อเหนียว ดอกแก่จะแข็งเป็นมัน
ก้านดอกสีน้ำตาลดำสั้นหรือไม่มีก้านเลย หมวกเห็ดมีริ้วหรือหยักเป็นคลื่น
ผิวก้านเป็นมันเงา ผิวเรียบ มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีรสชาติและสรรพคุณแตกต่างกันไป
ประโยชน์ทางสุขภาพของเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือจัดเป็นเห็ดทางการแพทย์ที่มีประวัติการใช้เป็นยามาอย่างยาวนานกว่า 2 พันปี
ซึ่งตำราการแพทย์แผนจีนโบราณได้ระบุไว้ว่าเห็ดหลินจือจัดเป็นยาอายุวัฒนะ
และเนื่องจากสมัยก่อนด้วยเห็ดหลินจือนั้นเป็นเห็ดที่หาได้ยากยิ่ง
เนื่องจากเห็ดหลินจือจะขึ้นในบริเวณที่มีความเหมาะสมของสิ่งแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น
เช่น บริเวณภูเขาสูงชันเป็นต้น ทำให้เห็ดชนิดนี้ในสมัยก่อนมีราคาที่สูงมากและต้องเป็นชนชั้นระดับสูงเท่านั้นจึงจะสามารถมีไว้ในครอบครองได้
ปัจจุบันแม้ว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเพาะปลูกจะก้าวล้ำไปอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามเห็ดหลินจือก็ยังจัดเป็นเห็ดทางการแพทย์ที่มีราคาสูงอยู่
และยังถือเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาวและสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย สำหรับงานวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันของเห็ดหลินจือนั้นมีมากมายหลายฉบับ
ซึ่งพบว่า เห็ดหลินจือนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายไม่ว่าจะเป็น
สรรพคุณในการเสริมสร้างประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
ปกป้องและบำรุงตับ เป็นต้น
งานวิจัยทางการแพทย์
ของเห็ดหลินจือ
· Jones, Kenneth (1990), Reishi:
Ancient Herb for Modern Times, Sylvan Press, p. 6.
· Karsten PA. (1881). “Enumeratio
Boletinearum et Polyporearum Fennicarum, systemate novo dispositarum” (in
Latin). Revue mycologique, Toulouse 3(9): 16–19.
· R. S. Hseu, H. H. Wang, H. F. Wang and J. M.
Moncalvo (1 April 1996).“Differentiation and grouping of
isolates of the Ganoderma lucidum complex by random amplified polymorphic
DNA-PCR compared with grouping on the basis of internal transcribed spacer
sequences” ,Appl. Environ. Microbiol. 62(4): 1354–1363.
· Medicinal Mushrooms: An Exploration of Tradition,
Healing, & Culture (Herbs and Health Series)by Christopher
Hobbs (Author), Harriet Beinfield
· Meletis C.D. and Baker J.E., Medicinal
Mushrooms A Selective Overview, Alternative & Complimentary Therapies, June 2005 p141-145
· S.P. Wasser, Medicinal mushrooms as a source of
antitumor and immunomodulating polysaccharides, Appl. Microbiol Biotechnol (2002) 60:258-274
เห็ดถั่งเฉ้า
ชื่ออื่นๆ : เห็ดตังถั่งเฉ้า, Totsu kasu
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cordyceps Sinensis
ลักษณะทั่วไป : จัดเป็นเห็ดทางการแพทย์ที่มีระบบการเจริญเติบโตที่แตกต่างจากเห็ดชนิดอื่นๆ
เนื่องจากเห็ดชนิดนี้ต้องอาศัยตัวอ่อนของแมลงในการเจริญเติบโต
ซึ่งตามธรรมชาตินั้นจะพบว่าเห็ดชนิดนี้จะเจริญเติบโตจากตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนที่อยู่บนเทือกเขาหิมาลัยที่มีความสูงประมาณ 3,800 เมตรจากระดับน้ำทะเลเท่านั้น
ความเชื่อและประโยชน์ทางสุขภาพของถั่งเฉ้า
ถั่งเฉ้าเป็นเห็ดที่มีประวัติการใช้ทางการแพทย์แผนโบราณของจีนอย่างยาวนานเป็นพันปี
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีการบันทึกไว้พบว่ามีการใช้เป็นยามาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังของจีน
(ประมาณ ค.ศ. 618-907) ซึ่งในสมัยโบราณ
ด้วยความที่เห็ดชนิดนี้หาได้ยากและพบได้เฉพาะเทือกเขาหิมาลัยเท่านั้นจึงทำให้
ถั่งเฉ้า มีราคาที่สูงมาก
และถูกจำกัดการใช้เฉพาะจักรพรรดิ์และเครือญาติในราชวงศ์ชั้นสูงของจีนเท่านั้นจึงจะสามารถมี
ถั่งเฉ้าไว้ครอบครองได้ เห็ดถั่งเฉ้าเริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
จากการที่หมอสอนศาสนาได้นำตัวอย่างของถั่งเฉ้า
ที่ได้รับจากองค์จักรพรรดิจีนไปเข้าร่วมงานประชุมทางวิชาการในกรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1726 ซึ่งถือเป็นการแนะนำตัวของถั่งเฉ้าต่อศาสตร์การแพทย์แผนตะวันตก
อันนำมาซึ่งงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายหลายฉบับถึงคุณประโยชน์ของถั่งเฉ้าต่อร่างกาย
สำหรับประโยชน์ทางการแพทย์ทีมีการวิจัยรองรับพบว่าถั่งเฉ้า
มีส่วนช่วยในการ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บำรุงร่างกายให้หายจากความเหนื่อยล้า
บำรุงไต ลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด บำรุงปอด และต้านมะเร็ง เป็นต้น
งานวิจัยทางการแพทย์
ของถั่งเฉ้า
· Holliday, John; Cleaver, Matt; (2008). “Medicinal Value of the
Caterpillar Fungi Species of the Genus Cordyceps (Fr.) Link (Ascomycetes). A
Review”.International Journal of Medicinal Mushrooms (New York:
Begell House) 10(3): 219.
· Halpern, G.M. , 2007. Healing Mushrooms. Square One Publishers. NY, USA
· Sung, Gi-Ho; Nigel L. Hywel-Jones, Jae-Mo Sung, J. Jennifer
Luangsa-ard, Bhushan Shrestha and Joseph W. Spatafora (2007). “Phylogenetic
classification of Cordyceps and the clavicipitaceous fungi”. Stud Mycol 57(1):
5–59.
· Holliday, John (2005). “Cordyceps”. In Coates, Paul M. , Encyclopedia
of Dietary Supplements. 1. Marcel Dekker. pp. 4 of Cordyceps
Chapter.
· Khan MA, Tania M, Zhang D, Chen H (May 2010). “Cordyceps Mushroom: A Potent Anticancer Nutraceutical”. The
Open Nutraceuticals Journal
Lucky Club Casino Site - Las Vegas, NV - Lucky Club
ตอบลบLucky Club Casino is a well-known Las Vegas Casino & Resort offering unique slots, table luckyclub games, video poker, and bingo entertainment. It's open 24/7 and
JTG Virtual Reality Casino and Sports Events - JTM Hub
ตอบลบJTG Virtual 이천 출장안마 Reality 목포 출장마사지 Casino and Sports 서귀포 출장샵 Events. The world-famous JTG Virtual 영주 출장샵 Reality Casino and Sports Events. JTG Virtual Reality 논산 출장안마 Casino and Sports